An assessment of Economics Potential for Community Electricity Production Using Biogas Renewable Energy from Agricultural Wastes and Livestock Manure Case Study: Community Ban Non-Ka
Abstract
บทความนี้นำเสนอถึงการศึกษาและการประเมินศักยภาพความเป็นไปได้ในการเพิ่มความสามารถในการผลิตไฟฟ้าภายในชุมชน โดยการใช้
พลังงานทดแทนก๊าซชีวภาพที่ได้จากเศษวัชพืชอินทรีย์สารทางการเกษตรและมูลสัตว์ของพื้นที่ชุมชนในกรณีศึกษา ชุมชนหมู่บ้านโนนข่า ต.หันนางาม อ.ศรีบุญเรือง จ.หนองบัวลำภู นำมาผลิตเป็นก๊าซชีวภาพด้วยเทคโนโลยีการผลิตก๊าซชีวภาพแบบ Dry Fermentation โดยการนำก๊าซชีวภาพที่ได้ผ่านเข้าเครื่องกำเนิดพลังงานไฟฟ้าเพื่อผลิตไฟฟ้าให้กับชุมชนต่อไป ผลผลิตทางการเกษตรรวมถึงผลผลิตที่เหลือใช้ทางการเกษตรจะมีศักยภาพสูงสามารถใช้เป็นพลังงานทดแทนได้ ซึ่งประชากรในชุมชนหมู่บ้านโนนข่า ต.หันนางาม ส่วนใหญ่จะประกอบอาชีพเกษตรกรรม เช่น ปลูกข้าวทำนาข้าวโพด อ้อย มันสำปะหลัง เป็นต้น และมีการเลี้ยงปศุสัตว์ ผลจากการศึกษาจึงพบว่าการพัฒนาการใช้พลังงานก๊าซชีวภาพจากเศษวัชพืชทางการเกษตรและมูลสัตว์สามารถสร้างเตาชีวมวลอย่างง่าย ระยะเวลาในการจุดเตาและอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงของเตาชีวมวลมีค่าน้อยกว่าเตาแบบธรรมดา ทำให้เตาชีวมวลมีประสิทธิภาพสูงจึงสามารถลดค่าใช้จ่ายในการใช้เชื้อเพลิงจากก๊าซธรรมชาติได้ สามารถออกแบบและสร้างถังหมักก๊าซชีวภาพ ซึ่งถังหมักเก็บก๊าซใช้งานได้จริง นอกจากนี้ผู้วิจัยได้ทำการวิเคราะห์ความเป็นไปได้ด้านการเงินและการลงทุน ศึกษาผลกระทบทางด้านเศรษฐศาสตร์ วิเคราะห์ต้นทุนและผลตอบแทนที่มีเกณฑ์ในการตัดสินใจลงทุนคืออัตราผลตอบแทน ค่าใช้จ่ายในการลงทุน ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน ผลการวิเคราะห์พบว่าเศษวัชพืชอินทรีย์สารทางการเกษตรและมูลสัตว์ที่มีในชุมชนมีศักยภาพมากพอที่จะนำมาผลิตไฟฟ้า โดยใช้เทคโนโลยีเตาเผาสามารถผลิตพลังงานไฟฟ้าได้ประมาณ 75 kWh/ตัน รองลงมาได้แก่ เทคโนโลยีการย่อยสลายแบบไม่ใช้ออกซิเจนและแบบหลุมฝังกลบเศษวัชพืชและมูลสัตว์ประมาณ 25 kWh/ตัน และ 18 kWh/ตัน ตามลำดับ พิจารณาต้นทุนการผลิตไฟฟ้าจะพบว่าเทคโนโลยีการผลิตพลังงานไฟฟ้าแบบหลุมฝังกลบมีต้นทุนต่ำที่สุดคือ 5.50 บาท/ kWh ในขณะที่เทคโนโลยีเตาเผาและแบบย่อยสลายไม่ใช้ออกซิเจนจะมีต้นทุนสูงกว่าคือ 28.50 บาท/ kWh และ 14.32 บาท/ kWh ตามลำดับ