dc.contributor.author | Wararat Watthanachanobon | en_US |
dc.contributor.author | Pornpimol Sakda | en_US |
dc.contributor.author | Pranorm Pengtowong | en_US |
dc.date.accessioned | 2016-12-26T04:23:09Z | |
dc.date.available | 2016-12-26T04:23:09Z | |
dc.date.issued | 2015 | |
dc.identifier.uri | http://repository.rmutr.ac.th/123456789/369 | |
dc.identifier.uri | http://localhost:8080/xmlui/handle/123456789/369 | |
dc.description.abstract | การวิจัยครั้งนี้มุ่งเน้นการศึกษาบริบทชุมชน รูปแบบและกระบวนการทอผ้าพื้นบ้านตำบลบางเลน อำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม ของกลุ่มอาชีพเสริมบ้านสุขเกษม โดยกระบวนการจัดการความรู้ และรวบรวมและจัดทำหนังสือรูปแบบและกระบวนการทอผ้าพื้นบ้าน ตำบลบางเลน อำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม ของกลุ่มอาชีพเสริมบ้านสุขเกษม พบว่า ที่มาของภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ศึกษานั้น มาจากความรู้ที่เป็นภูมิปัญญาท้องถิ่น เกี่ยวกับพื้นฐานในการดำรงชีวิตที่มีความสัมพันธ์กับวิถีธรรมชาติ และความรู้ใหม่ที่รับการส่งเสริมและพัฒนาโดยหน่วยงานภาครัฐจากภายนอก การศึกษาดูงาน การรวมกลุ่ม การส่งวิทยากรเข้ามาสอน ความรู้ที่สำคัญสำหรับการจัดการความรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่น คือ ความรู้ที่มาจากภูมิปัญญาท้องถิ่นดั้งเดิมที่ได้รับการสืบทอดมาจากบรรพบุรุษและนำมาปรับปรุงให้เหมาะสมกับยุคสมัยซึ่งการปรับปรุงนั้นอยู่ภายใต้การฝึกฝนและการปฏิบัติด้วยตนเอง โดยเน้นรูปแบบดั้งเดิมให้เป็นเอกลักษณ์ของชุมชน เพื่อให้มีการพัฒนาภูมิปัญญาท้องถิ่นเป็นผลิตภัณฑ์ชุมชน ลักษณะของการถ่ายทอดความรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่นได้ 2 ลักษณะ คือ 1) การถ่ายทอดความรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่นดั้งเดิมในอดีต ได้แก่ การบอกเล่าต่อกันมา การฝึกปฏิบัติจากการสังเกต และการปฏิบัติจากการฝึกฝนของบรรพบุรุษ โดยเป้าหมายหลักในการถ่ายทอดคือทายาทหรือคนในครอบครัว และ 2) การถ่ายทอดความรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ได้มีการพัฒนามาแล้วในปัจจุบัน ได้แก่ การปฏิบัติจากการฝึกฝนของกลุ่มแม่บ้าน (ถ่ายทอดในกลุ่ม) และการไปเป็นวิทยากรรับเชิญไปสาธิตวิธีการผลิต
กระบวนการจัดการความรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่นด้านการทอผ้าพื้นบ้าน มี 5 ขั้นตอนหลักที่สำคัญได้แก่
1.การกำหนดความรู้ เกิดจากความต้องการสืบสานภูมิปัญญาท้องถิ่น รวมถึงการผลักดันของผู้นำกลุ่มที่มีความรู้ความสามารถอย่างแท้จริง
2.การแสวงหาและยึดกุมความรู้ภายใน ได้แก่ การสอบถามผู้รู้ในชุมชน และการดูตัวอย่างผลิตภัณฑ์กลุ่มอื่น ๆ แล้วทดลองเรียนรู้ ปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง จากภายนอก ได้แก่ การศึกษาดูงาน การอบรม/สัมมนา
3.การแลกเปลี่ยนความรู้อย่างไม่เป็นทางการ ได้แก่ การพูดคุยแลกเปลี่ยนกัน
4.การจัดเก็บความรู้ มุ่งเน้นการจัดเก็บความรู้ไว้ที่ตัวบุคคล
5.การถ่ายทอดความรู้ จากบุคคลสู่บุคคลเป็นหลัก เช่น ปฏิบัติให้ดู การสาธิต | en_US |
dc.description.sponsorship | Rajamangala University Of Technology Rattanakosin | en_US |
dc.language.iso | TH | en_US |
dc.publisher | Rajamangala University Of Technology Rattanakosin | en_US |
dc.subject | Knowledge Management | en_US |
dc.subject | Indigenous Cloth Weaving | en_US |
dc.subject | Ban Suk-kasem | en_US |
dc.title | Knowledge Management of Ban Suk-kasem Indigenous Cloth Weaving Group Banglen District Nakhon Pathom Province | en_US |
dc.title.alternative | การจัดการความรู้การทอผ้าพื้นบ้านของกลุ่มอาชีพเสริมบ้านสุขเกษม อำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม | en_US |
dc.type | Research | en_US |